แหล่งผลิตสินค้าและทรัพยากรสําหรับเขตเมืองซึ่งมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่หลากหลายและสภาพอากาศอบอุ่น
จังหวัดคานางาวะตั้งอยู่เกือบตรงจุดศูนย์กลางของเกาะญี่ปุ่นพอดี ใจกลางของจังหวัดมีแม่น้ำซากามิที่สำคัญไหลจากเหนือจรดใต้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือมีเทือกเขาฮาโกเนะกับทันซาวะ ส่วนทางตะวันออกเฉียงใต้เป็นแนวชายฝั่งและที่ราบกว้างใหญ่ที่สามารถมองเห็นอ่าวโตเกียวและอ่าวซากามิ
จังหวัดนี้ตั้งอยู่ติดกับโตเกียวซึ่งเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น เป็นจังหวัดแห่งผู้บริโภคที่มีประชากรประมาณ 9 ล้านคน ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าเกษตร ปศุสัตว์ และผลิตภัณฑ์ทางทะเลเนื่องจากมีสภาพอากาศอบอุ่น มีภูเขา มหาสมุทร และแม่น้ำ เป็นจังหวัดซึ่งมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีความหลากหลายด้านภูมิประเทศและทรัพยากร
จังหวัดคานางาวะมีจุดที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางและการคมนาคมหลายแห่ง ทั้งยังเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ไม่เหมือนใคร มีวัฒนธรรมการทำอาหารท้องถิ่นที่มีความหลากหลายและแตกต่าง ไม่ว่าคุณจะกําลังมองหาอาหารญี่ปุ่น ตะวันตก จีน หรืออาหารประเภทอื่นใด
ด้วยความร่วมมือจาก: สึมามาสะ
ท่าเรือโยโกฮาม่าซึ่งเป็นหัวใจของการค้าระหว่างประเทศมีความสําคัญต่อความทันสมัยของอุตสาหกรรมอาหารของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมอาหารของคานางาวะ สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถมองข้ามไปได้แก่การมีอยู่ของท่าเรือโยโกฮาม่า ในตอนท้ายของยุคโชกุนโทคุงาวะการมาถึงของกองเรือของพลเรือจัตวาเพอร์รีได้ส่งสัญญาณให้ญี่ปุ่นยุติการปิดประเทศที่ดำเนินการมาอย่างยาวนาน ในปี 1859 ท่าเรือโยโกฮาม่าจึงได้ถูกเปิดให้เป็นท่าเรือพาณิชย์ระหว่างประเทศ นับตั้งแต่นั้น โยโกฮาม่าได้ทําหน้าที่เป็นประตูสู่วัฒนธรรมต่างประเทศ เป็นประตูบานแรก ๆ ที่เปิดรับวัฒนธรรมอาหารจากทั่วโลกสู่ญี่ปุ่น
ได้มีการตั้งถิ่นฐานของชาวต่างชาติขึ้นในพื้นที่โดยรอบท่าเรือ โดยมีเขตหนึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นโยโกฮาม่าไชน่าทาวน์ นอกจากนี้ยังมีอาหารจํานวนมากที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา เช่น สุกี้ยากี้ และอาหารทะเลโดเรีย (อาหารทะเลญี่ปุ่นกับกราแตงข้าว) ซึ่งมีต้นกําเนิดมาจากพื้นที่โยโกฮาม่า
จังหวัดคานางาวะสามารถแบ่งพื้นที่อย่างคร่าว ๆ ออกได้เป็น 5 พื้นที่ ภูมิภาคโยโกฮาม่ากับคาวาซากิซึ่งเปิดกว้างต่อวัฒนธรรมอาหารต่างประเทศอย่างเต็มที่ ภูมิภาคโยโกสุกะกับมิอุระซึ่งมีมหาสมุทรล้อมรอบอยู่สามด้าน ภูมิภาคโชนันและคามาคูระซึ่งยังคงรักษาความเป็นเมืองโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี ภูมิภาคเค็นโอ (ตอนกลาง) ที่ซึ่งธรรมชาติกับสภาพแวดล้อมแบบเมืองสามารถอยู่เคียงข้างกันได้อย่างลงตัว และภูมิภาคเคนเซ
(ตะวันตก) ซึ่งเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่หลากหลาย มีทะเลสาบและน้ำพุร้อนออนเซ็นมากมาย เป็นต้น ต่อไปนี้ เราจะแนะนําให้รู้จักลักษณะเด่นของแต่ละพื้นที่ รวมไปจนถึงอาหารท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นที่นั่น
<ภูมิภาค โยโกฮาม่า / คาวาซากิ>
"สุกี้ยากี้" ซึ่งทำให้เนื้อวัวซึ่งเป็นของต้องห้ามในยุคเอโดะ ได้รับความนิยม
ช่วงเวลาแห่งการปิดประเทศของญี่ปุ่นซึ่งเริ่มขึ้นในตอนต้นยุคเอโดะ และดําเนินต่อไปนานกว่า 200 ปี ได้สิ้นสุดลงด้วยการลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและการพาณิชย์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นในปี 1858 สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเหตุการณ์ดังกล่าวได้แก่การเปิดท่าเรือเพื่อการค้าระหว่างประเทศ ท่าเรือโยโกฮาม่าเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้กรุงโตเกียวมากที่สุด และเป็นด่านหน้ารับการหลั่งไหลของวัฒนธรรมต่างประเทศเข้าสู่ญี่ปุ่น จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากพื้นที่ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นหมู่บ้านของคนยากจน เมื่อท่าเรือถูกสร้างขึ้นที่โยโกฮาม่า นอกเหนือจากการสร้างพื้นที่ให้ชาวต่างชาติสามารถอยู่อาศัยได้อย่างถูกกฎหมายแล้วยังได้มีการสร้างเมืองสำหรับชาวญี่ปุ่นที่พ่อค้าท้องถิ่นสามารถสร้างร้านค้าได้ รวมถึงได้มีการสร้างที่ทําการของรัฐบาลขึ้นมาด้วย ในขณะที่มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาหารของต่างประเทศต่าง ๆ ก็ได้รับการจัดการและปรับให้เข้ากับรสนิยมของชาวญี่ปุ่น และในหลาย ๆ กรณีก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ
จุดเปลี่ยนที่สําคัญอย่างยิ่งในวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นคือการไหลบ่าเข้ามาของวัฒนธรรมการกินเนื้อสัตว์ ย้อนกลับไปในยุคอาสึกะ คําสอนของศาสนาพุทธถือว่าการฆ่าสัตว์เป็นบาป ญี่ปุ่นจึงได้มีการออกคําสั่งห้ามกินเนื้อสัตว์เป็นครั้งแรก แม้เวลาจะผ่านไป และเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นแล้ว แต่การกินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเป็นสิ่งต้องห้ามในยุคเอโดะ ผู้คนจึงยังไม่ได้รับประทานเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ตาม การถือกําเนิดของนโยบายการปรับปรุงให้ทันสมัยในยุคเมจิได้ทำให้เกิดการยกเลิกการห้ามกินเนื้อสัตว์ "สุกี้ยากี้" ซึ่งเป็นอาหารที่เกิดในโยโกฮาม่า และเกี่ยวข้องกับการปรุงเนื้อวัว ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวตะวันตก ให้เหมาะกับรสนิยมของชาวญี่ปุ่นมากขึ้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนถือได้ว่าเป็นตัวแทนของยุคใหม่ที่เกิดความรู้แจ้งและมีอารยธรรม
สุดท้ายแล้ว ได้มีการพัฒนาไชนาทาวน์ขนาดใหญ่ขึ้นในพื้นที่ชุมชนต่างประเทศ และอาหารอย่าง "ซานมาเมน" กับ "ชูไม" ซึ่งมีรากเหง้ามาจากอาหารจีนได้กลายมาเป็นอาหารด้านจิตวิญญาณที่ชาวบ้านหลงรัก
คาวาซากิเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างโยโกฮาม่ากับโตเกียว เมืองนี้เติบโตขึ้นมาในฐานะเป็นเมืองไปรษณีย์บนทางหลวงโตไคโดในยุคเอโดะ และด้วยการใช้ประโยชน์จากน้ำอันอุดมสมบูรณ์จากแม่น้ำทามางาวะ ทําให้มีการปลูกข้าวได้มาก ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเขตการผลิตเคฮิน จึงถูกมองว่าเป็นเขตอุตสาหกรรมไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว พื้นที่ซึ่งอยู่ลึกเข้ามาภายในประเทศนี้ยังคงมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่และอุดมสมบูรณ์ และด้วยการใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่การบริโภคขนาดใหญ่ที่เรียกว่าโตเกียว ภูมิภาคนี้จึงมีอุตสาหกรรมการเกษตรในเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ความหลากหลายของพืชผลทำให้พื้นที่นี้มีความโดดเด่น หนึ่งในจำนวนนั้นได้แก่ผัก "โนระโบนะ" ซึ่งทำการเพาะปลูกกันมาตั้งแต่ยุคเอโดะ แม้จะเป็นผักในตระกูลกะหล่ำ ทำให้มีรสขมหรือกลิ่นฉุนเล็กน้อยตามธรรมดาของผักตระกูลนี้ ทว่ามีความหวานอ่อน ๆ และให้เนื้อสัมผัสที่ละมุนลิ้น เมื่อเตรียมเป็นโอฮิตาชิ (เครื่องเคียงในลักษณะเป็นผักลวกในซอสหมักจากถั่วเหลือง) จะทำให้เกิดกลิ่นหอมและรสหวานที่น่าพึงใจ แถมยังเคี้ยวได้หนึบหนับอีกด้วย
<ภูมิภาคโยโกสุกะ / มิอุระ>
คาบสมุทรซึ่งมีอ่าวซากามิกับอ่าวโตเกียวล้อมรอบนี้
คาบสมุทรมิอุระได้ชื่อว่ามีวิวมหาสมุทรที่สวยงามและมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งยังมีสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติและแนวชายฝั่งที่ซับซ้อน สภาพอากาศอันอบอุ่นทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่ซึ่งมีวัฒนธรรมแบบท้องนาท้องไร่และมีอุตสาหกรรมการประมงเฟื่องฟู
อาหารจานพิเศษของท่าเรือมิซากิซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายคาบสมุทรได้แก่มากุโระ (ทูน่า) เนื่องจากภูมิประเทศของมิซากิเหมาะสำหรับการเป็นท่าเรือ ที่นี่จึงได้เห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมการประมงมาตั้งแต่แรก และเมื่อถึงยุคโชวะตอนต้น ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งจับปลาทูน่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยทั่วไปแล้ว ส่วนที่เป็นที่นิยมรับประทานกันมากที่สุดสำหรับมากุโระได้แก่ โตโร (เนื้อมัน ๆ ตรงหน้าท้อง), อะกามิ (เนื้อแดง), และนากะโอชิ (เนื้อที่ขูดจากก้าง) แต่ที่ร้านอาหารในบริเวณท่าเรือมิซากิ นักทานสามารถเพลิดเพลินกับอาหารจานมากุโระที่ใช้หลายส่วนของปลา เช่น "มากุโระ คาบูโตะ-ยากิ" (หัวปลาทูน่าย่าง)
ยิ่งไปกว่านั้น คาบสมุทรมิอุระยังเป็นผู้ผลิตที่สำคัญของหัวไชเท้าไดคอน ที่มีประวัติการเพาะปลูกยาวนานกว่า 100 ปีอีกด้วย ในฤดูหนาวคุณจะเห็นชายฝั่งเต็มไปด้วยแถวของไดคอนที่ถูกตากแห้งเพื่อทำทากุอัน (หัวไชเท้าดองสีเหลือง) จนภาพนี้ได้กลายเป็นประเพณีตามฤดูกาลไปแล้ว มีอาหารที่ทำจากไดคอนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในท้องถิ่นหลายเมนู เช่น "วาริโบชิ ไดคอน โนะ ฮาริฮาริ ซูเกะ" (ไดคอนแห้งแบบดอง) ซึ่งใช้วาริโบชิ ไดคอน (เส้นไดคอนแห้งหั่นตามยาว) ซึ่งหนากว่าคิริโบชิ ไดคอน (เส้นหัวไชเท้าแห้งอย่างบาง) และมีรสชาติกรุบกรอบ
แล้วก็ยังมีภูมิภาคโยโกสุกะ ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันเล็กน้อย นับตั้งแต่การเปิดประเทศของญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคเอโดะ พื้นที่นี้ได้เห็นการจัดตั้งกองทัพและฐานทัพเรือมาอย่างต่อเนื่อง และเคยมีประสบการณ์ในการพัฒนาเป็นท่าเรือทางทหาร หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจนถึงทุกวันนี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ ยังคงมีฐานทัพเรืออยู่ที่นี่ เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แปลกใหม่ เมืองนี้ได้เป็นเจ้าภาพจัดโครงการฟื้นฟูอาหารจานแกงกะหรี่ขึ้นอย่างแข็งขันโดยมี “แกงกะหรี่โยโกสุกะไคกุน” (แกงกะหรี่กองทัพเรือโยโกสุกะ) ได้รับชื่อเสียงมากที่สุดเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ
<ภูมิภาคโชนัน / คามาคูระ>
ลิ้มรสอาหารทะเลสด ๆ และอาหารพื้นบ้านของเมืองโบราณคามาคูระ
สารอาหารอันอุดมสมบูรณ์หลั่งไหลจากภูเขาทันซาวะ เทือกเขาโดยรอบ และป่าไม้ลงสู่อ่าวซากามิที่ทอดตัวไปทางใต้ของจังหวัด เมนูพิเศษของภูมิภาคโชนัน ซึ่งอยู่ติดกับอ่าวซากามิ จึงหนีไม่พ้นอาหารทะเล เรือประมงส่วนใหญ่เป็นเรือขนาดเล็กที่ออกเดินทางไปทำการจับปลาแล้วกลับภายในวันเดียวโดยใช้เทคนิคการจับปลาด้วยโพงพางประจำที่และอวนติดตาเป็นหลัก เนื่องจากพื้นที่ทำการประมง ท่าเรือ และพื้นที่บริโภคอยู่ใกล้กัน จึงสามารถส่งอาหารทะเลไปยังโต๊ะอาหารในขณะที่ยังสดใหม่หลังจากถูกจับไม่นาน
อาจิ (ปลาฮอร์สแมกเคอเรล) และซาบะ (ปลาแมกเคอเรล) ถูกจับได้มากในภูมิภาคนี้ แต่ผลิตภัณฑ์พิเศษที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดได้แก่ ชิราสุ (เหยื่อขาว) ชิราสุเป็นปลาที่เน่าเสียเองได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น “นามะชิราสุด้ง” (ชามเหยื่อขาวดิบ) จึงเปิดโอกาสให้ผู้รับประทานได้ลิ้มลองชิราสุดิบ ซึ่งหมายความว่ามีให้บริการเฉพาะในวันที่มีการจับเท่านั้น ซึ่งเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมเพราะเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคโชนัน
นอกจากนี้ ภูมิภาคคามาคูระซึ่งตั้งอยู่ที่ฐานของคาบสมุทรมิอุระยังเป็นสถานที่ซึ่งมินาโมโตะโนะโยริโตโมะได้จัดตั้งบาคุฟุ (โชกุนคนแรก) เมืองโบราณแห่งนี้เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเป็นศูนย์กลางการเมืองและวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นเวลาประมาณ 250 ปี ด้วยเหตุนี้ จึงเต็มไปด้วยทรัพย์สินทางวัฒนธรรม สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และศาลเจ้าชินโต รวมไปจนถึงวัดพุทธที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน “เค็นชิน-จิรุ” (ซุปผักที่ทำจากผักรากและเต้าหู้) ซึ่งตอนนี้กลายเป็นอาหารเพื่อความสะดวกสบายแห่งชาติมีรากฐานมาจากอาหารมังสวิรัติซึ่งจัดทำขึ้นที่เค็นโชจิ ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายเซนที่ตั้งอยู่ในคามาคูระ
<ภูมิภาคเค็นโอ>
อาหารท้องถิ่นที่พัฒนามาจากชีวิตผู้คนในหมู่บ้านชาวนา ประเพณีที่สืบสานกันมาจนถึงทุกวันนี้
ภูมิภาคเคนโอครอบคลุมเมืองซางามิฮาระและอัตสึงิ ในขณะที่ส่วนซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันตกยังคงมีทิวทัศน์แบบชนบทโบราณอันประกอบไปด้วยนาข้าวและหมู่บ้านชาวนา ที่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากเทือกเขาทันซาวะและโอยามะโดยมีทะเลสาบมิยากาเสะกับแม่น้ำซากามิเป็นแหล่งน้ำ พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้กลับได้รับการพัฒนาให้เป็นจุดขนส่งที่สำคัญซึ่งให้บริการโดยถนนสายหลักและทางรถไฟ โอยามะซึ่งตั้งอยู่ในเมืองอิเซฮาระได้รับการยกย่องว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิ่งน่าเคารพบูชามาตั้งแต่สมัยโบราณ และตั้งแต่ยุคเอโดะเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันได้มีผู้เข้ามาสักการะถึงปีละประมาณ 200,000 คน โดยผู้ที่ริเริ่มทำการสักการะได้แก่ตัวของโชกุนเอง เนื่องจากที่นี่มีน้ำคุณภาพสูง ก่อนที่ใครจะทันได้ตระหนัก เต้าหู้ที่ทำขึ้นที่นี่ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับอาหารมังสวิรัติก็ได้กลายเป็นอาหารพิเศษที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักกันในนาม "อาหารเต้าหู้โอยามะ" ในหมู่ผู้คน
ส่วนที่ราบซากามิโนะไดจิ (ที่ราบสูงซากามิโนะ) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองซากามิฮะระ และซามะ มีเถ้าภูเขาไฟที่ตกลงมาสะสมอยู่มากมาย ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการทำนาข้าว แต่ที่นี่มีผลผลิตข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี และมันเทศอย่างอุดมสมบูรณ์ พื้นที่นี้จึงได้พัฒนาวัฒนธรรมด้านอาหารที่ทำจากแป้งขึ้นมา และจากวิถีชีวิตที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับวิธีที่เกษตรกรทำงานและใช้ชีวิต จึงได้เกิด “สาเกมันจู” (เค้กกลมที่ทำด้วยการนึ่ง) และ “อิชิกากิแดงโกะ” (เกี๊ยว) ที่ทำจากแป้งและมันเทศ
ในทำนองเดียวกัน ภายในเขตจังหวัดคานางาวะ การเปิดประเทศญี่ปุ่นได้กระตุ้นให้มีการเพาะเลี้ยงสุกร (เพื่อรองรับชาวต่างชาติที่เข้ามาตั้งรกรากใหม่) เพิ่มขึ้น และในภูมิภาคเคนโอซึ่งเหมาะสำหรับการเพาะปลูกมันเทศได้มีการนำต้นมันและมันแกวมาใช้เป็นอาหารหมู
ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้มีการผลักดันให้เกิดความนิยมในการเลี้ยงหมูขึ้นตลอดยุคเมจิและไทโชอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการกล่าวกันว่าในครั้งหนึ่งได้เคยมีฟาร์มหมูในเมืองอัตสึงิถึงประมาณ 300 แห่ง แต่เมื่อมีคลื่นของความเป็นเมืองที่ทันสมัยถาโถมเข้ามา จำนวนฟาร์มหมูก็ค่อย ๆ ลดลง แต่กระนั้น ในตอนนี้ “ตัน-ซูเกะ” (หมูหมักในมิโซะ) ก็ยังถือเป็นอาหารจานพิเศษสำหรับภูมิภาคนี้
<ภูมิภาคเคนเซ>
ภูเขา ทะเลสาบ มหาสมุทร และน้ำพุร้อน วัฒนธรรมด้านอาหารที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีสีสันและอุดมสมบูรณ์
ที่นี่เป็นภูมิภาคที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าและภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเนะ-อิซุ และอุทยานแห่งชาติทันซาวะ-โอยามะ ทะเลสาบอาชิโนโกะซึ่งตั้งอยู่บนแนวแบ่งเขตจังหวัดนี้กับเขตจังหวัดชิซูโอกะตั้งอยู่ในหลุมปล่องภูเขาไฟของภูเขาไฟฮาโกเนะได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ ทั้งยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นจุดตกปลาเช่นกัน ได้มีการนำวาคาซากิ (ปลาสเมลต์สระ) จากจังหวัดอิบารากิมาเพาะเลี้ยงที่นี่ตั้งแต่สมัยไทโช โดยโครงการเพาะเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันวาคาซากิของทะเลสาบอาชิโนโกะมีคุณภาพมากพอที่จะนำไปใช้ถวายราชวงศ์อิมพีเรียลแล้ว วาคาซากิสามารถนำมาใช้ทำอาหารได้หลายรูปแบบ เช่น ทอดหรือนันบันซึเกะ (ทอดแล้วหมักในซอสเผ็ด) แต่คันโรนิ (ตุ๋นในซอสถั่วเหลืองและน้ำตาล) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานในพื้นที่นี้ จนถือเป็นรายการมาตรฐานประจำโต๊ะอาหารในช่วงวันหยุดปีใหม่
ในพื้นที่กว้างใหญ่เชิงภูเขานี้สามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้มากมาย เช่น ส้มแมนดาริน, โชนันโกลด์ (ส้มญี่ปุ่นพันธุ์ผสม) และอูเมะ (พลัม) ดูเหมือนว่าการปลูกพลัมในโอดาวาระจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนยุคเซ็งโงกุ (ยุคสงครามระหว่างรัฐต่าง ๆ) โดยมีอูเมะซุเกะ (อูเมะดองที่ไม่แห้ง) เป็นสิ่งพิเศษในเมืองนี้ ซึ่งปรากฏอยู่ในนวนิยายเรื่อง “โตไคโดชูฮิซะคุริเกะ” ซึ่งเขียนขึ้นในยุคเอโดะ จูโระอูเมะซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมของอูเมะจากโอดาวาระเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีเนื้อหนานุ่ม และได้รับการยกย่องว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพสูงสุดในการทำอูเมะโบชิ (อูเมะดองแห้ง)
ปลาสดมักจะถูกจับได้ในโอดาวาระซึ่งหันหน้าไปทางอ่าวซากามิบ่อยมาก และถูกนำมาใช้ในการทำคามาโบโกะ (เค้กปลา) มานานแล้ว ในยุคเอโดะเมืองนี้ได้กลายเป็นเมืองไปรษณีย์บนทางหลวงโตไคโด และ “โอดาวาระคามาโบโกะ” ซึ่งให้บริการแก่นักเดินทางได้กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้มาเยือน
ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ รีสอร์ทน้ำพุร้อนอย่างฮาโกเนะ และการตั้งอยู่ในระยะทางที่เดินทางจากโตเกียวได้สะดวก ทำให้พื้นที่นี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยจะเห็นได้ชัดจากการที่ความพิเศษของภูมิภาคเคนเซนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักกันดีไปทั่วประเทศ