อาหารที่บ่มเพาะด้วยธรรมชาติ สภาพอากาศจากสองท้องทะเล และห้าเขตที่แตกต่างกัน
จังหวัดเฮียวโงะตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางของประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่ติดทะเลสองแห่ง ทางเหนือคือทะเลญี่ปุ่น ส่วนทางใต้คือทะเลเซโตะใน เชื่อมต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกาะอาวาจิ ด้วยพื้นที่ 8401.02 ตารางกิโลเมตร ทำให้เฮียวโงะเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิงกิ จังหวัดเฮียวโงะก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1868 เพื่อควบรวมแคว้นเซ็ตสึและแคว้นฮาริมะ ซึ่งภายหลังได้มีการปรับโครงสร้างหลายครั้ง จนในที่สุดก็ก่อตั้งเป็นดินแดนในปัจจุบันเมื่อปี ค.ศ. 1963 สภาพภูมิอากาศแบ่งออกเป็นสองลักษณะที่กั้นด้วยภูเขาชูโกคุที่พาดผ่านตอนกลางของจังหวัด สภาพอากาศแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทางเหนือมีฝนตกมากในฤดูหนาวเพราะอิทธิพลของทะเลญี่ปุ่น ในขณะที่ทางใต้มีอากาศอบอุ่นและแห้งจากอิทธิพลของทะเลเซโตะใน
ผู้ร่วมรายงาน: กลุ่มสำรวจการทำอาหารในครัวเรือนจังหวัดเฮียวโงะ (มาคิโกะ คาตาโยเสะ, คาโอรุ ซาคาโมโตะ, ฮารุมิ ซาคุตะ, โนริโกะ ทานากะ, ชิโนบุ โทมินางะ, โคซุเอะ นาคาตานิ, โทโมโกะ ฮาระ, ซาจิโกะ ฮนดะ)
จากบันทึกเรื่องราวสมัยโบราณ (บันทึกโคจิกิ) ของญี่ปุ่น กล่าวว่า เกาะอาวาจิเป็นเกาะแรกที่ถือกำเนิดขึ้นตอนสร้างประเทศญี่ปุ่น ซากฟอสซิลไดโนเสาร์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นก็ถูกค้นพบในจังหวัดนี้ เฮียวโงะมีความภาคภูมิใจที่เป็นจังหวัดที่มีบริเวณที่ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติจำนวนมากที่สุด อาทิ ปราสาท แหล่งมรดกแห่งประเทศญี่ปุ่น และที่ฝังศพต่าง ๆ อีกทั้งเส้นเมริเดียนที่ 135 องศาตะวันออกที่กำหนดเวลามาตรฐานของญี่ปุ่นก็พาดผ่านจังหวัดด้วย
จังหวัดเฮียวโงะประกอบด้วยห้าเขตที่มีความแตกต่างด้านประวัติศาสตร์และภูมิอากาศ เรียกว่าภูมิภาคทั้งห้า ได้แก่ เซ็ตสึ ทัมบะ ทาจิมะ ฮาริมะ และอาวาจิ แต่ละเขตต่างมีวัฒนธรรมอาหารที่มีสีสันและหยั่งรากลึกมาอย่างยาวนาน
< เขตเซ็ตสึ >
ประตูสู่วัฒนธรรมอาหารดั้งเดิมและสมัยใหม่แห่งนครนานาชาติโกเบ
เซ็ตสึประกอบด้วยบริเวณฮังชิน (ได้แก่นครอามาซากิ นครนิชิโนะมิยะ นครอาชิยะ นครอิตามิ นครทาคาระซุกะ นครคาวานิชิ นครซังดะ และเมืองอินางาวะ) และเมืองหลักของจังหวัดคือโกเบ โกเบคือเมืองที่อยู่ระหว่างทะเลและภูเขา ที่ซึ่งสามารถยืนบนชายฝั่งทะเลแล้วมองเห็นเขารคโคเขียวชอุ่มสูงตระหง่านเหนือทิวทัศน์อาคาร และตั้งแต่มีการเปิดท่าเรือโกเบในปี ค.ศ. 1968 โกเบก็ได้กลายเป็นนครแห่งความเป็นสากลที่ชาวต่างชาติต่างมาเยี่ยมเยียน “ที่พักชาวต่างชาติเก่า” สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ให้ชาวต่างชาติพักอาศัยและประกอบธุรกิจ อาคารสร้างด้วยอิฐและหินเก่าเข้ากันได้อย่างลงตัวกับอาคารสมัยใหม่ เป็นการผสมกลมกลืนเพื่อสร้างทิวทัศน์ของเมืองที่สวยงาม
บริเวณชายฝั่งของนครโกเบและนครนิชิโนะมิยะเป็นที่ตั้งของ “นาดาโกโก” ซึ่งเป็นย่านกินดื่มที่มีทั่วไปในญี่ปุ่น ด้วยโรงกลั่น 5 โรง ทำให้เขตนี้มีชื่อเสียงด้านการผลิตเหล้าสาเกมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เนื้อวัวโกเบที่ทราบกันดีว่าเป็นเนื้อที่คุณภาพดีที่สุดในหมวด “สเต็กเนื้อ” แบบตะวันตก ยังคงคุณภาพไว้ได้ด้วยการใช้วัวทาจิมะที่ต้องผ่านข้อกำหนดเข้มงวดหลายข้อตามที่กำหนดโดยสมาคมส่งเสริมการตลาดและการค้าเนื้อวัวโกเบ แต่ในขณะเดียวกัน อาหารญี่ปุ่นที่ใช้พริกไทยอาริมะรสเผ็ดซาบซ่านหมดความนิยมไปตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟูของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีโครงการที่ริเริ่มในปี ค.ศ. 2009 เพื่อชุบชีวิตประเพณีของพริกไทยนี้และเป็นความพยายามเพื่อสร้างการผลิตที่คงที่เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า
< เขตทัมบะ >
เมนูถั่วดำที่ยังมีลมหายใจในชีวิตประจำวัน
เขตทัมบะประกอบด้วยนครทัมบะ-ซาซายามะและนครทัมบะ เป็นที่ลุ่มล้อมรอบด้วยภูเขาที่ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทั้งแบบรายวันและรายปี หมอกอันมีมนต์เสน่ห์ของทัมบะจะปรากฏขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว ห่อคลุมภูเขาที่อยู่ห่างไกลไว้
นครทัมบะ-ซาซายามะเดิมทีก่อตั้งขึ้นในชื่อนครซาซายามะที่เป็นการรวมเมืองสี่เมือง (ได้แก่ ซาซายามะ ทันนัน นิชิกิ และอิมาดะ) และได้เปลี่ยนชื่อเป็นนครทัมบะ-ซาซายามะในปี ค.ศ. 2019 เป็นเมืองที่มีปราสาทและถนนหลายสายที่หลงเหลือจากอดีต เช่น โบราณสถานปราสาทซาซายามะ หอจดหมายปราสาทซาซายามะ และที่พักซามูไรแห่งโอคาจิมาจิ นครทัมบะก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2004 ด้วยการรวมเมืองหกเมืองไว้ด้วยกัน
เขตทัมบะมีวัตถุดิบเฉพาะท้องถิ่นได้แก่เนื้อหมูป่าและผลิตภัณฑ์การเกษตร เช่น ถั่วดำทัมบะ-ซาซายามะ เกาลัดทัมบะ และมันเทศ ถั่วดำนี้เป็นที่รู้จักดีเรื่องขนาดและคุณภาพ และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 กระบวนการเพาะปลูกถั่วแบบดั้งเดิมได้รับการยอมรับเป็นมรดกด้านเกษตรกรรมของญี่ปุ่น เนื่องจากในสมัยเอโดะมีปัญหาการขาดแคลนน้ำ จึงทำให้มีการทำนาข้าวตัวตายตัวแทนขึ้นด้วยการขุดทำคันดินสูงแล้วระบายน้ำออก ซึ่งพื้นที่นี้ได้กลายเป็นพื้นที่ปลูกถั่วดำ กล่าวกันว่าวิธีการนี้ยังถูกนำไปใช้ในเทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วย หากได้คุยกับคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมาทั้งชีวิต เขาจะบอกคุณว่า “ตอนเด็ก ๆ จะไปเทศกาลเกี่ยวข้าวของศาลเจ้าในเดือนพฤษภาคมทุกปีเพื่อไปรับข้าวและถั่วดำนึ่ง เราจะทำข้าวหุงถั่วดำทานกันและอธิษฐานให้ครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง” ประเพณีนี้ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน บ่งบอกได้ว่าถั่วดำได้หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมอาหารของนครทัมบะ-ซาซายามะแล้ว
วัตถุดิบอีกอย่างหนึ่งคือเนื้อหมูป่าที่มักนำมาทำสตูหมูป่า และเป็นที่รู้จักในฐานะเมนูหน้าหนาว ทัมบะ-ซาซายามะคือพื้นที่ล่าหมูป่าชั้นนำในญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในเรื่องหมูป่าคุณภาพดี มักนิยมทานเป็นอาหารมื้อพิเศษในช่วงปีใหม่และวันพิเศษอื่น ๆ
< เขตทาจิมะ >
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของปูที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนด้วยรถไฟขบวนพิเศษ
เขตทาจิมะตั้งอยู่ทางเหนือของจังหวัด ประกอบด้วยนครโทโยโอกะ เมืองคามิ เมืองชิน-อนเซน นครยาบุ และนครอาซาโงะ ฤดูร้อนมีอากาศร้อน และฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัดและหิมะตกมาก แต่เป็นพื้นที่ที่อุดมด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตภูเขาไฟ ทำให้มีแหล่งน้ำพุร้อนคุณภาพดี เช่น บ่อน้ำพุร้อนคิโนะซากิและบ่อน้ำพุร้อนยุมุระ อีกทั้งที่นี่ยังมีอุทยานประจำจังหวัดและอุทยานแห่งชาติด้วย
นอกจากนั้น ท่าเรือประมงของเขตทาจิมะ ได้แก่ เมืองชิน-อนเซ็น และเมืองคามิ ต่างก็อยู่ที่ทะเลญี่ปุ่น จึงทำให้สามารถจับปูหิมะและหมึกหิ่งห้อยได้เป็นจำนวนมาก ปูหิมะตัวผู้จะเรียกว่า มัตสึบะงานิ และตัวเมียจะเรียกว่า เซโกะงานิ ฤดูตกปูตัวผู้จะเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงปลายเดือนมีนาคม และตัวเมียจะเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนมกราคม ทุก ๆ ปีเมื่อเริ่มต้นฤดูตกปูมัตสึบะงานิ จะมีรถไฟท่องเที่ยวที่เสิร์ฟอาหารจานปูวิ่งจากเขตคันไซเข้ามาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับเมนูปูอย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกัน ยังมีอาหารประจำเขตบนชายฝั่งที่ได้รับความนิยมมากกว่าในสมัยเอโดะ ที่นครโทโยโอกะจะมีร้านโซบะเป็นจำนวนมาก ในเมืองอิซุชิจะเสิร์ฟ “โซบะอิซุชิบนจาน” ที่มีต้นหอม ไชเท้าขูด และไข่ วางบนจานเล็ก ๆ ทำให้หนึ่งคนสามารถทานได้หลายจาน หากวางจานซ้อนกันจนสูงเท่าความยาวของตะเกียบแสดงว่าได้ปริมาณอาหารที่เพียงพอต่อหนึ่งคนแล้ว
< เขตฮาริมะ >
อาหารทะเลที่ไต่ระดับเป็นแหล่งมรดกโลก
เขตฮาริมะตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัด กินเนื้อที่ประมาณ 40% ของพื้นที่จังหวัดทั้งหมด ประกอบด้วยนครอาคาชิ นครคาโกงาวะ นครนิชิวากิ นครมิกิ นครทาคาซาโงะ นครโอโนะ นครคาไซ นครคาโต เมืองทากะ เมืองอินามิ เมืองฮาริมะ นครฮิเมจิ นครไอโออิ นครทัตสึโนะ นครอาโค นครซาคาอิ เมืองฟุคุซากิ เมืองคามิคาวะ เมืองอิจิคาวะ เมืองไทชิ เมืองคามิโงริ และเมืองซาโย มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่งในฮาริมะ เช่น กลุ่มปราสาทฮิเมจิที่เป็นสมบัติแห่งชาติและแหล่งมรดกโลกที่รับรองโดย UNESCO รวมไปถึงที่ฝังศพโบราณต่าง ๆ เป็นต้น ถนนคนเดินอุอนตานะอยู่ใกล้กับสถานีอาคาชิ มีร้านค้าประมาณ 110 ร้านเรียงรายอยู่ตามทางเดิน ที่หน้าร้านจะวางสินค้า เช่น ปลาหมึกยักษ์ที่ยังกระดิกได้ กุ้งตัวเล็ก ๆ โดดไปมา และปลาไหลตัวยาวที่ปรุงสุกแล้ว เป็นต้น ทั้งหมดนี้จับมาได้ในตอนเช้าของวันนั้นเอง
ในทุกปีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูวางไข่ของปลาหอกทราย จะมีปลาหอกทรายสด ๆ วางเรียงรายอยู่หน้าร้านพร้อมด้วยกลิ่นซีอิ๊ว น้ำตาล และขิงโชยมา และนำมาทำเป็นเมนูที่เรียกว่า “คุงินิ” (ตะปูต้ม) ชื่อนี้มีที่มาจากสีและรูปร่างของปลาหอกทรายเวลาปรุงสุกแล้วที่มีสีออกแดงสนิมและรูปร่างคล้ายตะปูบิดเบี้ยว สำหรับคนในท้องถิ่น ปลาหอกทรายสื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ และคนมักจะพูดว่า “เมื่อได้กลิ่นปลาหอกทราย นั่นหมายความว่าฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว”
สำหรับจังหวัดนี้ ว่ากันว่าอานาโงะ (ปลาไหลทะเล) เป็นที่นิยมมากกว่าอุนางิ (ปลาไหลน้ำจืดญี่ปุ่น) ปลาจะถูกนำมาแผ่ออก เสียบไม้ทาซอสแล้วย่าง และทานเป็น “อานาโงะย่าง” ที่นครทาคาซาโงะมีร้านที่เปิดมานานชื่อ “ร้านชิโมมุระ” ที่ว่ากันว่าทุกคนต้องไปซื้อปลาไหลย่างสำหรับงานฉลองหรือเป็นของขวัญ เป็นอาหารที่ต้องมีในวันที่อากาศแจ่มใส ว่ากันว่าก่อนหน้านี้ทะเลฮาริมะเป็นแหล่งจับปลาไหลทะเลอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่จำนวนของมันลดลงอย่างมากเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา สมาพันธ์ประมงท้องถิ่นกำลังมุ่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยมีการนำร่องเพื่อปกป้องทรัพยากร เช่น การสำรวจสภาวะลูกปลาไหลทะเล และเพิ่มความห่างของตาอวนจับปลา เป็นต้น
อาหารท้องถิ่นที่ถือกำเนิดจากการค้นพบในครัวเรือน “ไม่สูญเปล่าและไม่น่าเบื่อ”
เมนู “คัตสึเมชิ” ของนครคาโกงาวะเป็นอาหารสไตล์ตะวันตกที่ทำโดยการวางชิ้นเนื้อวัวลงบนข้าวสวย ราดด้วยซอสเดมิเกลซ ตกแต่งด้วยกะหล่ำปลี และทานด้วยตะเกียบ เมนู “โอเด้งฮิเมจิ” แห่งนครฮิเมจิคืออาหารประเภทโอเด้งที่ทานกับซีอิ๊วผสมขิง หลังจากวันที่ทานโอเด้งนี้แล้ว จะมีการนำมันฝรั่งที่เหลือจากการต้มซุปมาทำโอโคโนมิยากิที่เรียกว่า “นิคุเท็น” กลุ่มคนรักนิคุเท็นแห่งทาคาซาโงะที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้นิคุเท็นเป็นที่นิยมมากขึ้นกล่าวว่า ในเมื่อมันเป็นอาหารที่ทำในครัวเรือนได้ จึงสามารถใช้มันฝรั่งที่เหลือจากเมนูอื่น ๆ นอกจากโอเด้งก็ได้ เช่น นิคุจากะ (สตูเนื้อและมันฝรั่ง) เป็นต้น วิธีการปรุงอาหารท้องถิ่นที่เฉลียวฉลาดนี้ช่วยให้เราอิ่มเอมกับอาหารธรรมดาได้โดยไม่สูญเปล่าและไม่น่าเบื่อด้วย
< เขตอาวาจิ >
วัตถุดิบและอาหารหลากสีสันแห่งเกาะในตำนาน
เกาะอาวาจิมีความยาว 55 กิโลเมตร กว้าง 28 กิโลเมตร และมีเส้นรอบวง 216 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีรูปร่างเรียวยาว ประกอบด้วยนครอาวาจิ นครอาวาจิใต้ และนครสุโมโตะ เป็นเพราะอยู่ในเขตทะเลเซโตะในจึงทำให้มีฤดูหนาวที่ไม่หนาวเย็นและมีปริมาณน้ำฝนน้อย มีบันทึกไว้ในพงศาวดารญี่ปุ่น (นิฮงโชกิ) และบันทึกเรื่องราวสมัยโบราณ (บันทึกโคจิกิ) ว่า เทพอิซานางิและอิซานามิทั้งสองได้สร้างเกาะอาวาจิขึ้นก่อนเกาะอื่นตอนที่สร้างประเทศญี่ปุ่น จังหวัดอาวาจิถูกแบ่งออกเป็นจังหวัดเฮียวโงะและจังหวัดโทคุชิมะในช่วงยกเลิกระบบแคว้นในสมัยเมจิ เกาะทั้งเกาะเคยเป็นของจังหวัดโทคุชิมะก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเฮียวโงะในปี ค.ศ. 1876 อาวาจิเคยเป็นสถานที่ที่เรียกว่า มิเคตสึคุนิ ที่หมายถึงแหล่งอาหารของราชสำนัก และปัจจุบันก็ยังคงเป็นแหล่งผลิตภัณฑ์การเกษตรและสัตว์น้ำหลายชนิด
ปลาไหลทะเลฮาโมะที่จับได้ที่เกาะอาวาจิเป็นปลาคุณภาพดีที่มีรสชาติเข้มข้น และสามารถพบได้ช่วงเริ่มต้นฤดูร้อน หอมใหญ่อาวาจิที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเวลาเดียวกันจึงเหมาะที่จะนำมาทำสุกี้ปลาไหลฮาโมะ เป็นน้ำซุปที่ได้จากไขมันของปลาไหลและความหวานจากหัวหอมอาวาจิ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจับปลาหมึกยักษ์จากทะเลฮาริมะคือเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ปลาหมึกยักษ์มักจะนำไปทำเมนู เช่น ต้ม ตุ๋น ตากแห้ง หรือทานสด เมนู “โจโบจิรุ” ที่เข้ามาสู่เกาะคืออาหารที่ทำจากถั่วและข้าวเหนียว เป็นอาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายของภรรยาหลังจากให้กำเนิดบุตร และมีการเสิร์ฟในช่วงงานฉลองด้วย “อิบิตสึ โมจิ” หรือที่มักจะรู้จักกันในชื่อ คาชิวะ โมจิ แต่เนื่องจากใบโอ๊กคาชิวะนั้นไม่ได้เป็นไม้ที่ขึ้นในอาวาจิ จึงใช้ใบของต้นหนามจับลิงแทน มักจะทำในช่วงการเฉลิมฉลองวันเด็กผู้ชายในเดือนพฤษภาคม แต่ก็เป็นอาหารที่ชาวนาทานหลังจากปลูกข้าวเสร็จ หรือในช่วงพักระหว่างฤดูทำนาด้วย
อาหารท้องถิ่นที่มีรากฐานมาจากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ได้ก่อกำเนิดขึ้น มีลมหายใจ และสร้างความประทับใจให้แก่คนท้องที่และผู้มาเยือนด้วยประวัติศาสตร์และลักษณะทางธรรมชาติที่หลากหลายของภูมิภาคทั้งห้า