วัฒนธรรมอาหารที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ที่ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างสมบูรณ์และอิสระด้วยพรจากท้องทะเลและขุนเขา
จังหวัดโทคุชิมะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูมิภาคชิโกกุ เป็นพื้นที่ที่ถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรสามแห่ง ได้แก่ ทะเลเซโตะ ช่องแคบคิอิ และมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีแหล่งน้ำมากมาย ซึ่งรวมถึงช่องแคบนารูโตะ (กล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในสามกระแสน้ำที่สำคัญของโลก) ตลอดจนแม่น้ำขนาดใหญ่ อาทิ แม่น้ำโยชิโนะและแม่น้ำนากะ นอกจากนี้ เนื่องจากจังหวัดฯ ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาที่ครอบคลุมพื้นที่ 4,146.79 ตร.ม. จังหวัดฯ จึงเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก (เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัดโทคุชิมะ) อีกทั้งด้วยสภาพอากาศอันอบอุ่นเหมาะสำหรับการปลูกพืชผล พื้นที่ของจังหวัดฯ ก็เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะเช่นกันซึ่งได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างสมบูรณ์และอิสระด้วยพรจากท้องทะเลและขุนเขา
ด้วยความร่วมมือโดย: (สมาคมนิติบุคคลทั่วไป) Tokushima Prefecture Licensed Cooks Association
ยกตัวอย่างเช่น ภูมิภาคชิโกกุที่เป็นผู้ผลิตสุดาจิอันดับหนึ่ง (ส้มญี่ปุ่นขนาดเล็กกลมสีเขียว) ที่ผลิตออกผลส่งออกเกือบ 100% ทั่วประเทศ (จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสำนักงานบริหารการเกษตรแห่งภูมิภาคชูโกกุ-ชิโกกุ) อีกทั้งนอกจากส้มดังกล่าวแล้ว ที่จังหวัดโทคุชิมะ เมืองคามิยามะ หมู่บ้านซานาโงจิ เมืองอานัน และเมืองและหมู่บ้านอื่น ๆ ก็ยังปลูกดอกไม้สุดาจิ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ถูกกำหนดให้เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอย่างเป็นทางการ และกล่าวได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะที่เป็นตัวแทนของภูมิภาคอย่างภาคภูมิใจเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น จังหวัดฯ ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องการผลิตพืชผลอันดับเป็นต้น ๆ ที่ส่งออกทั่วประเทศด้วย เช่น มันหวาน แครอท และรากบัว (สรุปรายงานประจำปีงบประมาณ 2018 เรื่อง อาหาร เกษตรกรรม และพื้นที่ชนบทในญี่ปุ่นของกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง) ในขณะเดียวกัน สำหรับผลิตภัณฑ์จากทะเลต่าง ๆ อาทิ สาหร่ายวากาเมะสด ปลามะได และ ปลามังกรที่จับได้ในพื้นที่นารุโตะก็ยังเป็นที่รู้จักในฐานะผลิตภัณฑ์เฉพาะของที่นี่เช่นกัน
นอกจากการผลิตผลิตภัณฑ์เฉพาะได้เป็นจำนวนมากแล้ว จังหวัดนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันว่าเป็นประตูสู่ชิโกกุมาตั้งแต่ยุคสมัยริทสึเรียว (ค.ศ. 603-967) และเนื่องด้วยเกาะอาวาจิได้ตั้งอยู่ระหว่างโทคุชิมะและพื้นที่ของเกียวโต ทำให้จังหวัดฯ ได้อ้าแขนรับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอันเฟื่องฟูกับเกียวโต มาช้านานอีกด้วย รวมทั้งสร้างวัฒนธรรมอาหารอันหลากหลายที่สร้างสรรค์จากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ เพื่อพัฒนาสไตล์อาหารพื้นเมืองที่สามารถนำมาเสิร์ฟให้กับแขก ถนอมง่ายและขนย้ายได้สะดวก
ยุซันบาโกะ (อาหารกล่องหลายชั้น)
จังหวัดโทคุชิมะที่รายล้อมไปด้วยภูเขา แม่น้ำ และมหาสมุทรนั้น ได้เสนออาหารพื้นเมืองมากมายที่ปรุงด้วยวัตถุดิบสดใหม่ซึ่งได้รับประโยชน์จากพรจากธรรมชาติ ซึ่ง “ยุซันบาโกะ” จะเป็นสิ่งที่นำมาใช้เสิร์ฟอาหารประเภทนี้ในรูปแบบแบบจูบะโกะหลายชั้น (กล่องเป็นชั้น ๆ) ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรมอาหารของจังหวัดโทคุชูมะที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ยุซันบาโกะถือเป็นประเพณีในโทคุชิมะมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยเป็นกล่องเบนโตะไม้เคลือบสามชั้น สามารถเคลื่อนย้ายได้ และกล่องจะดึงออกมาได้เหมือนลิ้นชัก โดยชั้นแรกจะเต็มไปด้วยอาหารจานหลัก เช่น มากิซูชิ (ซูชิม้วน) ส่วนชั้นที่สองจะมาพร้อมกับเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น นิชิเมะ (ผักและคอนเนียคุเคี่ยวในซอสถั่วเหลืองและน้ำ) พร้อมกับชั้นที่สามที่เต็มไปด้วยขนมอย่าง โยกัง (วากาชิที่ทำจากถั่วแดง วุ้น และน้ำตาล)
อาหารเหล่านี้มักจะนำมารับประทานกันอย่างเพลิดเพลินในช่วงเทศกาลตุ๊กตาและเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง และยังกล่าวกันว่าอาหารดังกล่าวจะมีการมาเตรียมไว้สำหรับการออกไปดูดอกไม้และดอกซากุระ รวมทั้งปิกนิกที่ชายหาดหรือแม่น้ำ โดยอาหารที่บรรจุอยู่ภายในกล่องจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับภูมิภาคหรือครอบครัว ซึ่งเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความทรงจำที่ทำให้แต่ละจังหวัดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
วัฒนธรรมอาหารแห่งภูเขาสึรุงิและภูเขาอิยะ
ทางทิศตะวันออกของจังหวัดฯ จะเป็นภูเขาสึรุงิ ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหนึ่งร้อยแห่งในญี่ปุ่น ส่วนทางทิศตะวันตกจะเป็นภูเขาอิยะที่ซึ่งประเพณีและวัฒนธรรมบนภูเขายังคงความโดดเด่นอยู่เรื่อยไป โดยภูเขาทั้งสองแห่งนี้มีประวัติศาสตร์เกษตรกรรมที่มีความเก่าแก่เป็นพิเศษ และกล่าวกันว่าประวัติศาสตร์ดังกล่าวได้เริ่มต้นจากระบบการเกษตรแบบไร่เลื่อนลอยของสมัยโจมง ซึ่งมีการปลูกพืชหลากหลายชนิด ได้แก่ ข้าวฟ่าง ข้าวฟ่างญี่ปุ่น ถั่วอะซูกิ และถั่วเหลือง แต่อย่างไรก็ตาม พืชที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดกลับคือ “โซบะ” (บัควีท) นั่นเอง ในขณะเดียวกัน เนื่องจากข้าวเป็นพืชที่ค่อนข้างปลูกยากในบริเวณนี้ เลยมีการกล่าวกันว่าวัฒนธรรมการรับประทานโซบะเป็นวัตถุดิบหลักจึงได้เกิดขึ้นมา ทั้งนี้ อันที่จริงแล้ว ในภูมิภาคอิยะ อาหารท้องถิ่นที่ทำมาจากโซบะ เช่น “โซบะไมโซซุย” (ซุปข้าวญี่ปุ่นที่ทำจากโซบะ) “อิยะโซบะ” (บะหมี่โซบะ) และ “เดโคมาวาชิ” (โซบะดังโงะย่างเสียบไม้ (เกี๊ยว) ) เต้าหู้ และคอนเนียคุ (เค้กมันเทศ) ก็เป็นที่นิยมและนิยมรับประทานอยู่กันบ่อย ๆ เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีอาหารมากมายที่ปรุงมาจากพืชและผักจากป่าที่กินได้ซึ่งเติบโตในบริเวณภูเขา ซึ่งรวมถึงปลาอะยุ (ปลาหวาน) อะเมโกะ (ปลาเทราต์จุดแดง) และปูน้ำจืดญี่ปุ่นที่สามารถจับได้ในแม่น้ำ ยิ่งไปกว่านั้น วัฒนธรรมการถนอมอาหารก็เป็นวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นมาเช่นกัน โดยเป็นการทำให้อาหารสามารถขนส่งขึ้นลงภูเขา และเก็บไว้ได้เป็นเวลานานขึ้น ตัวอย่างเช่น “อุจิเกะโซนิ” (เค้กข้าวและผักเคี่ยว) ที่ทำมาจากอิวาโดฟุ (เต้าหู้ที่แข็งเหมือนก้อนหิน) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถกล่าวได้ว่าภูมิภาคนี้มีวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก และค่อนข้างแตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดอีกด้วย
นี่ เราขอแบ่งจังหวัดโทคุชิมะออกเป็นพื้นที่ภูมิภาคลุ่มน้ำกลางแม่น้ำโยชิโนะ ภาคเค็นโอ (ศูนย์กลางของจังหวัด) ภาคตะวันตก ภาคใต้ และภูมิภาคภูเขาตอนใต้ และขอแนะนำลักษณะวัฒนธรรมอาหารที่มีอยู่ในแต่ละภาคมาให้ดูกัน
< ภูมิภาคลุ่มน้ำกลางแม่น้ำโยชิโนะ >
ผลิตภัณฑ์เฉพาะหลากหลายที่ผลิตขึ้นจากผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ ได้แก่ อ้อย และโซเมน (เส้นหมี่ขาวละเอียด)
แม่น้ำโยชิโนะเป็นแม่น้ำประเภท A และเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดโทคุชิมะที่ไหลจากทางทิศตะวันตกไปยังทางทิศตะวันออกของจังหวัด โดยพื้นที่บริเวณรอบ ๆ ได้ก่อตัวเป็นหินที่มีลักษณะเฉพาะและที่ราบกว้างใหญ่เต็มไปด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและเก็บเกี่ยวพืชผลคุณภาพสูง มีอ้อยเป็นพืชผลที่อุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะ ซึ่งในรัชสมัยของโทคุงาวะ อิเอนาริ โชกุนที่ 11 ของโชกุนโทคุงาวะ อ้อยได้ถูกนำเข้ามาที่จังหวัดโทคุชิมะ ซึ่งนำมาใช้ทำ “อาวะ วาซันบอน (Awa Wasanbon)” (น้ำตาลทรายขาวญี่ปุ่นบริสุทธิ์อาวะ) และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ชนิดนี้ก็จะนำมาใช้ทำ “อาวะ อุอิโระ” (อุอิโระเป็นเค้กนึ่งญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าและน้ำตาล) ซึ่งนับเป็นอุอิโระประเภทหนึ่งในสามที่ยอดเยี่ยมของญี่ปุ่น พร้อมกับ “นาโกยะ อุอิโระ” และ “ยามากุจิ อุอิโระ ” ทั้งนี้ เสน่ห์ของอาวะ วาซันบอนจะอยู่ที่ความหวานอันนุ่มนวล และมีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในและนอกจังหวัดโทคุชิมะ
ผลิตภัณฑ์เฉพาะอีกอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางและมีการเพาะปลูกจากดินอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดโทคุชิมะก็คือ “ฮันดะโซเมง” ซึ่งผลิตในเมืองสึรุงิในภูมิภาคฮันดะ ทั้งนี้ เมื่อได้มีการนำมาเพาะปลูกเป็นครั้งแรก พืชดังกล่าวก็ได้ถูกนำมาผลิตเป็นอาหารพึ่งพาตนเองสำหรับเกษตรกร หรือเป็นวิธีการหารายได้พิเศษ อย่างไรก็ดี เมื่อมีคนทราบกันว่าลักษณะทางธรรมชาติและสภาพภูมิอากาศของฮันดะเหมาะสำหรับการทำโซเมน การผลิตโซเมนจึงเริ่มเฟื่องฟูและโด่งดังไปทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่ โซเมนฮันดะจะมีความหนาและแน่นกว่าบะหมี่โซเมนแบบทั่วไปอยู่เล็กน้อย และมีความโดดเด่นในเรื่องความอิ่มความพอดี ซึ่งความสูงที่โรงงานทำเส้นบะหมี่แต่ละแห่งตั้งอยู่ ตลอดจนชนิดข้าวสาลี ส่วนผสมต่าง ๆ และเกลือที่ใช้อาจทำให้รสชาติเกิดความแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โรงงานผลิตเส้นบะหมี่แต่ละแห่งได้สร้างแบรนด์ของตัวเอง โดยมีแฟน ๆ ตัวยงจำนวนมากที่เดินทางมาจากที่ห่างไกลมาเพื่อสิ่งนี้
< มิภาคเคนโอ >
รสชาติอ่อนโยนของอาหารพื้นเมืองซึ่งมีรากฐานมาจากที่นี่มาตั้งแต่สมัยโบราณในเมืองที่เป็นแกนหลักของจังหวัดนี้
เมืองโทคุชิมะตั้งอยู่ในภาคตะวันออก โดยเป็นเมืองหลวงของจังหวัด แม้ว่าจะเป็นเมืองศูนย์กลางที่มีประชากรประมาณ 250,000 คน (เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเมืองโทคุชิมะ) แต่เมืองดังกล่าวก็เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ มีแม่น้ำหลายสายทั้งใหญ่และเล็ก ซึ่งรวมถึงแม่น้ำโยชิโนะที่ไหลพาดผ่าน อาหารที่รับประทานกันเป็นประจำในภูมิภาคนี้จะเป็น “ชาโกเมะ (chagome)” ซึ่งเป็นข้าวหวานที่หุงด้วยถั่วปากอ้าและซาราเมะ (น้ำตาลทรายขาว) ทั้งนี้ แม้ว่าชาโกเมะจะเคยเป็นอาหารที่เสิร์ฟในบ้านพักของซามูไร แต่หลังจากที่มีการรวบรวมและบริโภคถั่วปากอ้าชนิดใหม่จนหมด ชาโกเมะก็ได้เป็นที่นิยมปลูกในครัวเรือนเกษตรกรรมในรูปแบบการบริโภคถั่วปากอ้าชนิดเก่า และแม้ว่าชาโกเมะจะเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นอาหารที่รับประทานกันในช่วงพักระหว่างทำงานในฟาร์มซึ่งขึ้นอยู่กับภูมิภาค แต่ชาโกะเมะก็สามารถเป็นอาหารอันโอชะที่นำมาเสิร์ฟในช่วงงานเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่ได้ อีกทั้งตามธรรมเนียมบางธรรมเนียม ชาโกเมะก็เคยถูกนำมาใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ที่แท่นหมู่บูชาของชาวพุธในช่วงพิธีรำลึกถึงผู้วายชนม์เช่นกัน
< ภาคตะวันตก >
ตั้งแต่โซบะไมโซซุยไปจนถึงเดโคมาวาชิ อาหารชนบทอันแสนอบอุ่นที่ปรุงริมกองไฟ
ปกติแล้ว อาหารในภาคตะวันตก ซึ่งรวมถึงภูเขาอิยะ จะเป็นอาหารที่ทำจากยุรุริหรืออิโรริ (เตาข้างกองไฟ) เช่น ซุปและอาหารปิ้งย่าง โดยมีอาหารอย่าง “โซบะไมโซซุย” ซึ่งเป็นอาหารที่ทำจากเมล็ดบัควีทที่มีการเก็บเกี่ยวมาตั้งแต่สมัยโบราณจากบริเวณภาคนี้และปรุงโดยการนำเมล็ดดังกล่าวมาเคี่ยวกับผักและเนื้อสัตว์ และ “อิยะ เดโคมาวาชิ” (มันฝรั่งเสียบไม้ย่าง เกี๊ยวโซบะ อิวะโดฟุ และคอนเนียคุ) ซึ่งเป็นอาหารที่ปรุงโดยการเสียบไม้เสียบเข้าไปในยุรุริ แล้วหมุนไม้เสียบไปมาจนอาหารสุกทั่วถึง โดยอาหารเมนูนี้ได้มีการตั้งชื่อในลักษณะแบบนี้ก็เพราะว่าการหมุนไม้เสียบในขณะที่ย่างกับ ไฟนั้นคล้ายกับรูปแบบการหมุนหัวของเดกุ (ตุ๊กตาไม้) ในโรงละครหุ่นอาวะนินเกียวโจรูริ (Awa Ningyo Jorui) นั่นเอง
บางที “อิยะโซบะ” ที่ทำมาจากแป้งโซบะพื้นเมือง (บัควีท) 100% สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณของอิยะเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ก็ยังมี “โซบะคีริ” ซึ่งเป็นเส้นบะหมี่ที่ตั้งชื่อขึ้นมาเพราะหั่นง่าย ประกอบกับมีเส้นที่หนาและสั้น ส่วน “ฮิราระยากิ” ก็เป็นเส้นบะหมี่ที่ทำด้วยวิธีการนำปลาและผักมาย่างในมิโซะบนหินร้อนเรียบที่เรียกว่า “ฮิราระ” ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออาหารชนิดนี้ที่ในสมัยโบราณมักจะนำมาทำกลางแจ้ง ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าภาคตะวันตกเป็นพื้นที่ที่อาหารพื้นเมืองส่วนใหญ่ให้คุณค่ากับวัตถุดิบพื้นเมืองอย่างชัดเจน โดยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของภาคเลยก็ว่าได้
< ภาคใต้ >
พื้นที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสด รวมถึงอาหารชั้นสูงอย่างกุ้งล็อบสเตอร์อิเสะและโบเซ่
ภาคใต้เป็นพื้นที่อีกแห่งหนึ่งที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากมีแม่น้ำนาคาเป็นแม่น้ำประเภท A แล้ว พื้นที่แห่งนี้ยังถูกล้อมรอบด้วยช่องแคบคิอิและมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้งชายฝั่งอานันที่ทอดยาวจากเมืองอานันไปยังเมืองไคโย โดยเป็นชายฝั่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นพื้นที่ที่มีสถานที่งดงามมากมายและมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ภูมิภาคแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีโดยเฉพาะเรื่องอาหารพื้นเมือง ซึ่งโดดเด่นไปด้วยปลาและหอยที่จับได้เป็นจำนวนมากในมหาสมุทรและแม่น้ำ
ในภาคใต้ของจังหวัดโทคุชิมะ อาหารก็จะมี “สุกะตะซูชิ (Sugata-zushi)” ซึ่งเป็นซูชิที่เสิร์ฟด้วยปลาทั้งตัวและยังคงสภาพเดิม (แทนที่จะหั่นบางและเป็นชิ้นแบบไร้ก้าง) โดยมีตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่ “โบเซ่” (ปลาจาระเม็ดญี่ปุ่น) ตลอดจนอาจิ (ปลาทูญี่ปุ่น) และโคโนชิโระ (ปลาตะเพียนญี่ปุ่น) ทั้งนี้ ในภาษาถิ่นของโทคุชิมะ โบเซ่จะมีชื่อเรียกว่า "อิโบได" "อุโบเสะ" หรือ "ชิซุ" และเป็นปลาเนื้อขาวที่มักนำมาย่างหรือเคี่ยว หรือผ่าเปิดและตากแห้ง และมีเสิร์ฟให้รับประทานกันทั่วประเทศ อย่างไรก็ดี ว่ากันว่าการเสิร์ฟโบเซ่เป็นสุกะตะซูชินั้นถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดโทคุชิมะ เนื่องจากที่นี่สามารถหาปลาโบเซ่สดได้ง่ายกว่าที่อื่น
เอื้อเฟื้อภาพโดย: Tokushima Prefecture Society of Cookery Science, Shikoku University / Keiko Takahashi
ในขณะเดียวกัน กุ้งล็อบสเตอร์อิเสะที่ไร้หนวดหรือขาจะถูกจัดว่าไม่เหมาะสำหรับการขนส่งซึ่งเรียกว่า “อะการิ” และจะถูกใช้ทำเป็นน้ำซุปชื่อว่า “ซุปมิโซะกุ้งล็อบสเตอร์อิเสะ” ซึ่งมักเสิร์ฟในพื้นที่มินามิ ทั้งนี้ เมื่อถึงฤดูกุ้งล็อบสเตอร์อิเสะในเดือนกันยายน จะถือว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ "โอโคอามิ โนะ คุจิอาเกะ" (การเปิดตาข่าย) และในช่วงเวลานี้จะมีเทศกาลกุ้งล็อบสเตอร์อิเสะ และธรรมเนียมการเสิร์ฟซุปมิโซะ ยิ่งไปกว่านั้น ภาคใต้แห่งนี้ก็ได้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารพื้นเมืองที่โดดเด่นหลากหลายรูปแบบนอกเหนือจากอาหารทะเลเมนูอื่น ๆ อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ใกล้กับเมืองไคโย จะมี “ชูสเซะ อิโมะ” (มันหวานที่ยกระดับให้อยู่ในสถานะเดียวกับข้าว) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ข้าวหายาก และนำมาจัดเตรียมมาเป็นอาหารทดแทนโอฮากิ (วากาชิที่ทำจากข้าวเหนียว ข้าวขาว และถั่วแดงหวาน) โดยมีวิธีทำคือนำมันฝรั่งหวานมาห่อในถั่วแดงกวนและจัดเตรียมให้เหมือนกับโอฮากิ
< ภูมิภาคภูเขาตอนใต้ >
พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรแห่งขุนเขา ซึ่งเริ่มจากผลิตภัณฑ์เฉพาะอย่างกิโตะยูซุ
ภูมิภาคภูเขาตอนใต้เป็นพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาหลายแห่ง อาทิ เทือกเขาชิโกกุที่ทะลุผ่านชิโกกุจากทางทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ภูเขาสึรุงิ และเทือกเขาไคฟุ โดยเป็นภูมิภาคที่ได้รับปริมาณน้ำฝนเป็นจำนวนมากและเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดพรจากภูเขาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธัญพืช ผักและผลไม้ นอกจากนี้ ยังมีเมืองนากะ ที่รวมเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ เมืองวาจิกิ (Wajiki) เขตไอโออิโจ (Aioicho) เขตคามินากะโจ (Kaminakacho) หมู่บ้านคิซาวะ (Kisawa) และหมู่บ้านกิโตะ (Kito) โดยเมืองนากะมีความเจริญรุ่งเรืองมาจากการผลิต “ส้มคิโตยูซุ (Kito Yuzu)” คุณภาพสูงที่ได้รับประโยชน์จากสภาพภูมิอากาศของพื้นที่โดยเฉพาะ โดยส้มดังกล่าวไม่ได้เพียงจะได้รับการจดทะเบียนลงในระบบป้องกันสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้เพื่อเตรียมอาหารพื้นเมืองในพื้นที่อยู่บ่อย ๆ อีกด้วย ในทางกลับกัน อาหารที่เป็นที่รู้จักกันดีในบรรดาอาหารพื้นเมืองเหล่านี้ก็คือ “ฮังโกโรชิ” โดยเหตุผลที่อาหารดังกล่าวเรียกว่าอย่างนั้นก็เพราะว่ามีวิธีการปรุงด้วยการนำข้าวหุงสุกมาบดแล้วปั้นให้เป็นก้อน แต่จะยังคงเหลือเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ไว้ประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งมีหมายความว่า “มีข้าวเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ถูกบด” ดังนั้น จึงเป็นที่มาของชื่ออาหารดังกล่าว ทั้งนี้ ภายในจังหวัดโทคุชิมะ ฮังโกโรชิเคยถูกนำมาขายช่วงระยะเวลาหนึ่งโดยใช้ชื่อว่า “คุซาโมจิ (Kusamochi)” แต่เมื่อนักเรียนในพื้นที่ได้ขอให้มีการเรียกชื่อเดิม ชื่อเดิมจึงได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าว เพื่อรักษาและสืบทอดประวัติศาสตร์ รวมทั้งวัฒนธรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณก็ยังคงดำเนินต่อไปมาจนถึงทุกวันนี้